- การใส่ปุ๋ย
เนื่องจากปาล์มน้ำมันเป็นพืชยืนต้นที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตเร็วและให้ผลผลิตสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับพืชน้ำมันชนิดอื่นๆ ดังนั้นจึงต้องการธาตุอาหารและน้ำในปริมาณมากเพื่อเลี้ยงส่วนต่างๆของลำต้น ใบ และผลิต การจัดการปุ๋ยที่ถูกต้องเหมาะสมจึงเป็นการเพิ่มผลผลิตเพื่อนำไปสู่เป้าหมายของการเกษตรกร คือ กำไรสูงสุด การใส่ปุ๋ยปาล์มน้ำมันในระยะต่างๆ จำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง เช่น ปริมาณธาตุอาหารที่มีอยู่ในดินเดิม ชนิดของปุ๋ย อัตราใส่ปุ๋ย และราคาปุ๋ย สำหรับอาการขาดธาตุอาหาร ที่สังเกตได้ด้วยตาเปล่า ก็เป็นข้อพิจารณาอย่างหนึ่งสำหรับการใส่ปุ๋ย
1. ใส่ในช่วงที่ปาล์มน้ำมันต้องการ
2. ใส่บริเวณที่รากปาล์มน้ำมันดูดไปใช้มากที่สุด
ควรใส่ปุ๋ยเมื่อดินมีความชื้นเพียงพอ หลีกเลี่ยงการใส่เมื่อแล้งจัดหรือฝนตกหนัก ในปีแรกหลังจากปลูกควรใส่ปุ๋ย 4 – 5 ครั้ง ตั้งแต่ปีที่2 เป็นต้น ควรใส่ปุ๋ย 3 ครั้ง /ปี ช่วงที่เหมาะสมในการใส่ปุ๋ยคือ ต้นฝน กลางฝน และปลายฝน ตั้งแต่ปีที่ 5 ขึ้นไป อาจพิจารณาใส่ปุ๋ยเพียงปีละ 2 ครั้ง ถ้าสภาพแวดล้อมเหมาะสม
การแบ่งใส่ปุ๋ย ( อัตราที่แนะนำ )
เมื่อแบ่งใส่ 3 ครั้ง/ปี แนะนำให้ใช้สัดส่วน 50 : 25 : 25 ใส่ต้นฝน
กลางฝน และปลายฝน ดังนี้
ช่วงต้นฝน คือ ประมาณเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน
ช่วงกลางฝน คือ ประมาณเดือนกรกฎาคม - กันยายน
ช่วงปลาย คือ ประมาณเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน
เมื่อแบ่งใส่ 2 ครั้ง/ปี ใช้สัดส่วน 60 : 40 ใส่ต้นฝน และปลายฝน ตามลำดับ
การใส่ปุ๋ยและบริเวณที่ใส่ปุ๋ย
ซึ่งเหมาะสมสำหรับปาล์มน้ำมันอายุต่างๆเป็นดังนี้
อายุปาล์ม
|
ปุ๋ยN,K และ Mg
|
ปุ๋ย P
|
1-4 ปี
|
ใส่บริเวณรอบโคนต้น
ที่กำจัดวัชพืชแล้ว
|
ใส่บริเวณรอบโคนต้นที่
กำจัดวัชพืชแล้ว
|
5-9 ปี
|
ใส่บริเวณรอบโคนต้น
ห่างจากโคนต้น 50 ชม.
ถึงบริเวณปลายทางใบ
|
ใส่บริเวณรอบโคนต้นห่าง
จากโคนต้น
ถึงบริเวณปลายทางใบ
|
10 ปีขึ้นไป
|
หว่านบริเวณระหว่าง
แถวปาล์มน้ำมัน หรือบน
กองทางใบที่ถูกตัดแต่ง
ที่ได้กำจัดวัชพืชแล้ว
|
หว่านบนกองทางใบที่ถูก
ตัดแต่งที่ได้กำจัดวัชพืช
แล้ว
|
หมายเหตุ
ปุ๋ย N ได้แก่ ยูเรียหรือแอมโมเนียซัลเฟต
ปุ๋ย P ได้แก่ ร็อคฟอสเฟต
ปุ๋ย K ได้แก่ โพแทสเซียมคลอไรด์
ปุ๋ย Mg ได้แก่ กีเซอร์ไรด์
ตารางการใส่ปุ๋ยสำหรับปาล์มน้ำมันอายุต่างๆ
อายุ
(ปี)
|
เดือนที่ใส่ปุ๋ย
(หลังปลูก)
|
ปุ๋ย (กิโลกรัม/ต้น)
| ||||
แอมโมเนียม
ซัลเฟต
|
ร็อคฟอสเฟต
|
โพแทสเซียม
คลอไรด์
|
คีเซอร์ไรท์
|
โบแรกซ์
| ||
1 ปี
|
รองก้นหลุม
|
-
|
0.50
|
-
|
-
|
-
|
1
|
0.1
|
-
|
-
|
-
|
-
| |
3
|
0.2
|
-
|
-
|
0.1
|
-
| |
6
|
0.2
|
-
|
0.1
|
-
|
-
| |
9
|
0.3
|
0.8
|
0.2
|
-
|
0.03
| |
12
|
0.4
|
-
|
0.2
|
-
|
-
| |
รวมทั้งหมดปีที่ 1 - 1.2 1.3 0.5 0.1 0.03
| ||||||
2 ปี
|
15
|
0.5
|
-
|
-
|
0.3
|
-
|
16
|
0.5
|
1.5
|
0.5
|
-
|
0.06
| |
21
|
1.0
|
-
|
1.0
|
0.3
|
-
| |
24
|
1.5
|
1.5
|
1.0
|
-
|
-
| |
รวมทั้งหมดปีที่ 2 - 3.5 3.0 2.5 0.6 0.06
| ||||||
3 ปี
|
27
|
1.5
|
-
|
1.0
|
0.5
|
-
|
31
|
1.5
|
1.5
|
1.0
|
-
|
0.09
| |
36
|
2.0
|
1.5
|
1.0
|
0.5
|
-
| |
รวมทั้งหมดปีที่3 - 5.0 3.0 3.0 1.0 0.09
| ||||||
4 ปี
|
40
|
2.5
|
1.5
|
1.5
|
0.5
|
0.10
|
46
|
2.5
|
1.5
|
1.5
|
0.5
|
-
| |
รวมทั้งหมดปีที่ 4 40 2.5 1.5 1.5 0.5 0.10
| ||||||
5 ปี
|
52
|
2.5
|
1.5
|
1.5
|
0.5
|
0.10
|
56
|
2.5
|
1.5
|
2.0
|
0.5
|
-
| |
รวมทั้งหมดปีที่5 - 5.0 3.0 4.0 1.0 0.10
| ||||||
6 ปี
|
ครั้งที่ 1
|
2.5
|
1.5
|
2.0
|
0.5
|
0.10
|
ครั้งที่ 2
|
2.5
|
1.5
|
2.0
|
0.5
|
-
| |
รวมทั้งหมดปีที่6 - 5.0 3.0 4.0 1.0 0.10
| ||||||
ขึ้นไป
| ||||||
- การปลูกพืชคลุมดิน
เพื่อป้องกันและควบคุมการเจริญเติบโตของวัชพืช รวมถึงการชะล้างพังทลายของดิน ช่วยปรับโครงสร้างของดินและเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดิน
เกษตรกรนิยมปลูกพืชคลุมดินในสวนปาล์มน้ำมันกันมาก เพราะไม่ต้องใช้แรงงาน และเวลาในการดูแลรักษาพืชคลุมดินมากเหมือนการปลูกพืชแซมแต่ถ้าขาดการดูแลรักษาที่ดีก็อาจเกิดโทษได้เช่นกัน
พืชตระกูลถั่วที่ปลูกเป็นพืชคลุมในสวนปาล์ม ควรใช้อัตราส่วนประมาณ 1 กิโลกรัม/ไร่ ดังนี้
- ถั่วคาโลโปโกเนียม : ถั่วเพอราเรีย : ถั่วเซนโตรซีมา อัตรา 1:1:1
- ถั่วเพอราเรีย : ถั่วเซนโตรซีมา : อัตรา 2:3
ทะลายปาล์มเปล่าเป็นวัสดุเหลือที่มีปริมาณมาก และมีธาตุอาหารที่มีประโยชน์ สามารถใช้เป็นปุ๋ยหรือตัวปรับสภาพดินได้โดยใช้ทะลายปาล์มเปล่าเป็นวัสดุคลุมดิน เพื่อป้องกันการชะหน้าดินช่วยลดการสูญเสียความชื้นจากหน้าดินและใช้เป็นสารอาหารแก่พืช แต่ประโยชน์จะได้รับมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับชนิดของดิน และสภาวะของความชื้นสัมพัทธ์ของบริเวณนั้นด้วย สามารถใช้ทะลายเปล่าที่นำมาจากโรงงานโดยนำมากองทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือน แล้วจึงนำไปวางการะจายรอบโคนต้น ในอัตรา 150 - 225 กิโลกรัม/ต้น/ปี รวมกับปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟต 2 – 5 กิโลกรัม/ต้น/ปี ร็อคฟอสเฟต 0.7 กิโลกรัม/ต้น/ปี และโพแทสเซียมคลอไรด์ 1.5 กิโลกรัม/ต้น/ปี
- การให้น้ำ
ในสภาพพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนน้อยกว่า 1,800 มิลลิเมตร/ปี และมีฤดูแล้งยาวนาน 3- 5 เดือน ควรมีการให้น้ำเสริมเพื่อเพิ่มผลผลิตทะลายให้สูงขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงเงินทุนด้วย สำหรับการติดตั้งระบบน้ำควรพิจารณา ดังนี้
- พื้นที่ที่มีขนาดใหญ่ มีแหล่งน้ำเพียงพอ ควรติดตั้งระบบน้ำแบบหยด ( Drip Irrigation)
- พื้นที่ที่มีแหล่งน้ำมากเกินพอ ควรติดตั้งระบบน้ำแบบโปรยน้ำ (Mini Sprinkler)
- อาการขาดธาตุอาหาร
อาการผิดปกติจากการขาดธาตุอาหารมักจะแสดงออกให้เห็นเมื่อพืชขาดธาตุอาหารในขั้นรุนแรง และผลผลิตอาจจะลดลงแล้วด้วยซึ่งอาการขาดธาตุอาหารต่างๆ สามารถมองเห็นได้โดยสายตา และสังเกตได้ดังนี้
ลักษณะอาการใบมีสีเหลืองซีดเกิดที่ทางใบแก่ก่อน แก้ไขโดยใช้ปุ๋ยแอมโมเนียซัลเฟต อัตรา 1 - 2 กิโลกรัม/ต้น สำหรับต้นปาล์มที่มีอายุ 1 – 2 ปี และอัตรา 3 - 4 กิโลกรัม/ต้น สำหรับต้นปาล์มที่มีอายุ 5 - 10 ปี
ขาดธาตุอาหารฟอสฟอรัส (P)
ลักษณะอาการ จะชะงักการเจริญเติบโต ใบมีสีเขียวเข้มแก้ไขโดยใส่ปุ๋ยร็อคฟอสเฟต อัตรา 1.25 - 1.5 กิโลกรัม/ต้น
ขาดธาตุอาหารโพแทสเซียม (K)
ลักษณะอาการ จะมีจุดสีเหลืองส้มเป็นจ้ำๆ บริเวณทางใบตอนล่างขนาดเล็กไปหาใหญ่ รูปร่างไม่แน่นอน เมื่อมีมากๆเนื้อใบส่วนที่มีสีเหลืองจะแห้งและอาจเกิดเฉพาะต้นแทนที่จะเป็นบริเวณกว้างอาจเข้าใจผิดว่าเกิดเนื่องมาจากพันธุกรรม ลักษณะเด่นชัดในปาล์มน้ำมันที่ขาดธาตุโพแทสเซียม คือ ทางใบล่างซีดและแห้งก่อนกำหนด
ขาดธาตุอาหารแมกซีเซียม (Mg)
ลักษณะอาการ ทางใบล่างจะมีสีเหลืองเริ่มจากปลายใบและขอบใบย่อย บริเวณที่มีสีเหลืองจะเห็นชัดเจนเมื่อถูกแสงแดดส่วนที่ไม่ถูกแสงแดด จะยังมีสีเขียว อาการขาดแมกนีเซียมมักพบมาในดินที่มีแมกนีเซียมต่ำและมีความเป็นกรดจัด ในบางกรณีเกิดจากธาตุอาหารในดินไม่สมดุลระหว่าง แมกนีเซียมกับโพแทสเซียม หรือแม็กนีเซียม กับแคลเซียม ทำให้พืชไม่สามารถ ดูดแมกนีเซียมไปใช้ได้ดีเท่าที่ควร เช่น ใส่ปุ๋ยไนโตรเจน หรือปุ๋ยโพแทสเซียมหรือปุ๋ยที่มีแคลเซียมเป็นองค์ประกอบที่มากเกินไป เป็นต้น วิธีการแก้ไขสำหรับอาการที่เกิดจุดประสีส้มบนใบที่แก่ หรือรุนแรงจนปลายใบและขอบใบแห้ง ให้ใส่โพแทสเซียมคลอไรด์ อัตรา 2.5 - 3.5 กิโลกรัม / ต้น / ปี สำหรับต้นปาล์มที่ให้ผลผลิตแร้ว ในบางกรณีให้ใส่คีเซอร์ไรท์ 1- 2 กิโลกรัม / ต้น จะช่วยให้อาการขาดแมกนีเซียมดีขึ้น
การขาดธาตุอาหารโบรอน (B)
ลักษณะอาการ มีลักษณะผิดปกติแดงให้เห็นหลายชนิด เช่น ปลายใบย่อยหักงอเป็นรูปตะขอ อาจเกิดเฉพาะทางหรือทุกทางได้ทางใบย่อยสั้นผิดปกติในกรณีที่ขดรุนแรง หรือเกิดเฉพาะทางหรือทุกทางได้ทางใบย่อยสั้นผิดปกติในกรณีที่ขาดรุนแรง หรือเกิดแถบยาวใสโปร่งแสงขนานกับแถบทางใบย่อยย่นหรือหยิก แก้ไขโดยใส่โบแรกซ์อัตรา 50 – 100 กรัม/ต้น/ปี เมื่ออายุ 2- 3 ปี และอัตรา 150- 200 กรัม/ต้น/ปี เมื่ออายุ 4 ปีขึ้นไป
อธิปัตย์ ปาล์มน้ำมันอีสาน
จำหน่ายต้นกล้าปาล์มน้ำมันพันธุ์คุณภาพ ควบคุมเมล็ดพันธุ์โดยกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และบริการให้คำปรึกษาวิธีการปลูก และการดูแลรักษาหลังการปลูก
ติดต่อสอบถาม โทร. 084-4288760 ( AIS ) ,081-9750827 (AIS ) ,087-4514654 ( DTAC )


ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบ